สร้างบ้านด้วยอิฐมวลเบา
ข่าวสารของเรา
อิฐมวลเบา (Autoclaved Aerated Concrete - AAC) เป็นวัสดุก่อสร้างชนิดหนึ่งที่ผลิตจากปูนซีเมนต์ ทราย ปูนขาว ผงอลูมิเนียม และน้ำ โดยผ่านกระบวนการอบไอน้ำแรงดันสูง (Autoclaving) ทำให้เกิดฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมากภายในเนื้ออิฐ ส่งผลให้อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบากว่าอิฐมอญถึง 3 เท่า แต่ยังคงความแข็งแรงและทนทาน
น้ำหนักเบา: ข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดของอิฐมวลเบาคือน้ำหนักที่เบากว่าอิฐมอญมาก แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า ทำให้การขนส่งและก่อสร้างสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าแรง
ฉนวนกันความร้อนที่ดี: อิฐมวลเบามีฟองอากาศจำนวนมากภายในเนื้ออิฐ ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกสู่ภายในอาคาร ทำให้บ้านเย็นสบายในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว ช่วยประหยัดพลังงานในการทำความเย็นและความร้อน
ฉนวนกันเสียงที่ดี: ฟองอากาศในอิฐมวลเบายังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้บ้านเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ทนไฟ: อิฐมวลเบามีคุณสมบัติทนไฟได้ดีกว่าอิฐมอญ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านของคุณ
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: กระบวนการผลิตอิฐมวลเบาใช้พลังงานน้อยกว่าอิฐมอญ และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
ขนาดที่แม่นยำ: อิฐมวลเบามีขนาดที่แม่นยำ ทำให้การก่อสร้างง่ายและรวดเร็ว ลดการใช้ปูนก่อและฉาบ
ลดโครงสร้าง: เนื่องจากน้ำหนักเบา อิฐมวลเบาจึงช่วยลดภาระโครงสร้างของอาคาร ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
ทนทานต่อแรงกระแทก: อิฐมวลเบามีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ทนทานต่อแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนได้ดีกว่าอิฐมอญ
ดูดซึมน้ำ: อิฐมวลเบามีรูพรุนจำนวนมาก ทำให้ดูดซึมน้ำได้ง่าย หากไม่ป้องกันอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาความชื้นและเชื้อราได้
ความแข็งแรง: ถึงแม้จะมีความทนทานต่อแรงกระแทก แต่อิฐมวลเบามีความแข็งแรงน้อยกว่าอิฐมอญ จึงไม่เหมาะสำหรับการรับน้ำหนักมาก
การยึดเกาะ: เนื่องจากผิวเรียบ อิฐมวลเบาอาจมีปัญหาการยึดเกาะกับปูนฉาบได้ หากไม่เตรียมพื้นผิวอย่างถูกต้อง อาจทำให้ปูนฉาบหลุดร่อนได้
ราคา: อิฐมวลเบามีราคาสูงกว่าอิฐมอญ แต่เมื่อพิจารณาถึงข้อดีและความคุ้มค่าในระยะยาว อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า
อิฐมวลเบาสามารถนำมาใช้ได้หลากหลายในการก่อสร้างบ้าน เช่น
ผนัง: ทั้งผนังภายในและภายนอก
พื้น: โดยเฉพาะพื้นชั้นบน
หลังคา: ช่วยลดความร้อนและเสียงรบกวน
ฉนวนกันความร้อน: เพิ่มเติมในผนัง หลังคา และพื้น
แม้ว่าอิฐมวลเบาจะมีราคาสูงกว่าอิฐมอญ แต่เมื่อพิจารณาถึงข้อดีและความคุ้มค่าในระยะยาว เช่น การประหยัดพลังงาน ความทนทาน และความสะดวกในการก่อสร้าง อิฐมวลเบาอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
ขนาดความหนาที่ 7.5 ซม. ตอบโจทย์การนำไปก่อผนังกั้นห้องได้เป็นอย่างดี เนื่องจากช่วงแรกที่มีการผลิตเจ้าอิฐตัวนี้ หลายแบรนด์จะผลิตความหนาอยู่ที่ 7.5 ซม.
ต่อมาหลายเจ้าก็ผลิตให้มันหนาขึ้น ทำให้ความหนา 7.5 ซม. ถือเป็นขนาดมาตรฐานในการนำไปใช้กับผนังที่ไม่มีบานเปิด
แต่ถ้าใครอยากได้บางกว่านั้นก็ใช้ได้เช่นกัน เช่น ขนาด 9 ซม. หรืออาจหนามากกว่านั้น
ความหนา 10 ซม. ตอบโจทย์ผนังห้องมีบานเปิด
แน่นอนว่ายิ่งหนาก็ยิ่งแข็งแรง ความหนา 10 ซม. จึงตอบโจทย์ผนังที่มีบานเปิด เนื่องจากเป็นส่วนที่ต้องทนทานต่อแรงกระแทกในการเปิด-ปิด ดังนั้นควรเลือกความหนา 10 ซม. ขึ้นไป เพราะจะมีความแข็งแรงมากกว่า 7.5 ซม.
หากใครเลือกแบบ 7.5 ซม. จะต้องทำการหล่อเสาคานเอ็นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังด้วย
ทั้งนี้การเลือกอิฐมวลเบาให้มีความหนาและมีความแข็งแรง ก็จะช่วยลดการใช้งานร่วมกับเสาคานเอ็นนั่นเอง
ความหนา 10 - 12.5 ซม. ตอบโจทย์ผนังห้องน้ำ
อิฐมวลเบาจะมีลักษณะเป็นรูพรุน ทำให้หลายคนมองว่าไม่เหมาะแก่การนำมาก่อเป็นผนังห้องน้ำ เพราะจะดูดความชื้นไว้มาก แต่ที่จริงแล้วอิฐมวลเบาสามารถก่อผนังได้ทุกจุด ทั้งผนังภายในและภายนอก โดยผนังห้องน้ำควรเลือกให้มีความหนา 10 ซม. ขึ้นไป เพื่อให้การใช้งานเต็มประสิทธิภาพ บวกกับต้องมีการก่อ ฉาบ ทำระบบกันซึมอย่างถูกวิธีร่วมด้วย ก่อผนังห้องน้ำด้วยอิฐมวลเบาแบบไหนเรียกว่าถูกวิธี เลือกใช้เกรียงและปูนก่อสำหรับอิฐมวลเบาโดยเฉพาะ
เลือกใช้ปูนฉาบสำหรับอิฐมวลเบาโดยเฉพาะ นำแผ่นกระเบื้องแช่น้ำเสียก่อน เพื่อลดการดูดความชื้น ลงยาแนวที่มีคุณภาพ
ความหนา 15 - 20 ซม. ตอบโจทย์ผนังที่โดนแดดจัด
ผนังบ้านใครที่อยู่ทิศใต้และทิศตะวันตกควรเลือกผนังที่หนา เนื่องจากทิศดังกล่าวจะโดนแสงแดดตกกระทบในช่วงบ่าย
ถ้าอยากให้บ้านเย็นและป้องกันความร้อนได้ดี แนะนำให้เลือกอิฐมวลเบาที่มีความหนาเข้าไว้ สามารถเลือกความหนา 15 - 20 ซม. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่มีวางขายตามท้องตลาด แต่อิฐมวลเบายิ่งหนาก็ยิ่งมีราคาแพง ดังนั้นควรพิจารณาถึงงบประมาณในกระเป๋าของคุณด้วย
นอกจากช่วยกันความร้อนแล้ว ยังช่วยดูดซับเสียง และลดความดังของเสียงจากภายนอกอาคารได้เป็นอย่างดี